1. ลักษณะเฉพาะของอีคอมเมิร์ซตลาดดิจิทัลและสินค้าดิจิทัลมีอะไรบ้าง
ตอบ ลักษณะเฉพาะของการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์
1. ตลาดเป็นตลาดเฉพาะเจาะจง (Niche Market) ลูกค้ามาที่เว็บไซต์มีจุดมุ่งหมายจะซื้อสินค้าที่เขาอยากได้ เช่น
ผู้ต้องการซื้อรองเท้าก็จะเข้ามาดูเว็บที่ขายรองเท้า
2. เป็นการแบ่งส่วนตลาดเชิงพฤติกรรม (Behavioral
Segmentation) การจัดกลุ่มลูกค้าพิจารณาจากความ
สนใจคุณค่าที่ลูกค้าให้ต่อสินค้าหรือบริการใดบริการหนึ่ง และวิถีชีวิตของลูกค้า
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งกำหนดพฤติกรรมของลูกค้า
3. เป็นการตลาดแบบตัวต่อตัว (Personalize
Marketing / P - Marketing) ลูกค้าสามารถกำหนดรูปแบบของสินค้าและบริการได้ตามความต้องการของตนซึ่งอาจจะแตกต่างกับผู้อื่น
เช่น www.ivillege.com เสนอเมนูอาหารให้แม่บ้านเลือกโดยให้แม่บ้านเลือกประเภทของวัตถุดิบ
และระยะเวลาในการประกอบอาหารเอง
แม่บ้านก็จะได้เมนูอาหารพร้อมวิธีการปรุง
4. ลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก
เพราะระบบอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ทั่วโลก ทำให้ตลาดกว้างใหญ่ไพศาล
5. ทำธุรกิจได้ตลอดเวลา
ผู้ขายสามารถเปิดร้านขายได้ 365 วัน 24 ชม. โดยมาตราฐานคงที่ ซึ่งคุณลักษณะ
ข้อนี้ได้เปรียบกับการค้าแบบดั้งเดิม ซึ่งบุคลากรต้องการพักผ่อน ถ้าจะขาย 24 ชม.
ต้องใช้พนักงานขายถึง 2 -3 คน
6. ข้อมูลของสินค้าและบริการเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
เพราะผู้บริโภคจะรู้จักและเกิดความรู้ในสินค้า (Product Knowledge) จากข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์
เขาไม่มีพนักงานขายคอยแนะนำ
7.
ธุรกิจออนไลน์เป็นกิจกรรมทางการตลาดแบบผสม บนเว็บไซต์การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การขาย
การชำระเงินและกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้เกิดซื้อขายสินค้า อยู่รวมกันบนเว็บไซต์
8. เป็นการสื่อสาร 2 ทาง
ผู้ซื้อกับผู้ขายสามารถโต้ตอบกันได้ทันที
9. เป็นการดำเนินธุรกิจด้วยต้นทุนต่ำ
เพราะใช้บุคลากรจำนวนน้อย การสื่อสารการตลาดทำได้รวดเร็วและเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
ซึ่งถ้าเป็นการตลาดแบบดั้งเดิมการจัดทำแค็ตตาล็อก
หรือชิ้นงานโฆษณาจะต้องใช้เวลานาน และใช้งบประมาณสูง
แต่ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ผู้ขายสามารถจัดทำได้เร็วและราคาถูก
นอกจากนี้ธุรกิจแบบนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินถาวรที่ราคาสูง เช่น
สถานที่ทำงาน อุปกรณ์สำนักงาน เพราะติดต่อกับลูกค้าบนจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น
10.
สินค้าบางประเภทจะถูกจัดส่งให้ลูกค้าได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เช่น
การดาวน์โหลดเพลง หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์
เครื่องมือหลัก ๆ
ในการทำตลาดอิเล็กทรอนิกส์
1. เวิลด์ ไวด์ เว็บ (www) คือ
การจัดทำเว็บไซต์เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดเช่น เพื่อขายสินค้า
เพื่อประชาสัมพันธ์บริษัท
2. อีเมล์ (E-mail) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งใช้เป็นเครื่องมือในการส่งข้อมูลข่าวสารไปยังลูกค้า
หรือบุคคลที่ตัดปะด้วย
3. เมล์ลิ่งลิสต์ (Mailing list) คือ กลุ่มของบุคลที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน
ซึ่งในด้านการตลาดถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก
เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายทางการตลาด
เนื่องจากแต่ละกลุ่มจะประกอบด้วยคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน
4. เว็บบอร์ด (Web board) คือ กระดานข่าวที่ให้ผู้คนเข้ามาเสนอแนวความคิดหรือพูดคุยกัน
ในด้านการตลาดสามารถใช้เว็บบอร์ดเป็นที่สร้างกระแสได้
ซึ่งจะทำให้ผู้คนรู้จักหรือทราบในเรื่องที่เราต้องการสื่อสารซึ่งถือเป็นสื่อ (Medium)
ชนิดหนึ่งในการประชาสัมพันธ์
ประโยชน์ของการตลาดอิเล็กทรอนิกส์
การตลาดแบบอิเล็กทรอนิกส์
เป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อและผู้ขายทำให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างรวดเร็วด้วยต้นทุน ที่ต่ำ
ข้อดีการตลาดแบบนี้พอสรุปได้ดังนี้
สำหรับผู้ประกอบการ
1. ประหยัดเงิน
เพราะเอกสารประกอบการขายเช่นแค็ตตาล็อค โบว์ชัวร์ และเอกสารประกอบการขายอื่นๆ ไม่ต้องพิมพ์ในกระดาษทำให้ผลิตเอกสารได้รวดเร็ว
สวยงาม นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนเอกสารเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพิมพ์ใหม่
การจัดส่งก็ทำได้รวดเร็ว และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร
เหตุผลเหล่านี้ทำให้ต้นทุนในการสื่อสารต่ำลง
2. ประหยัดเวลาและลดขั้นตอนทางการตลาด
เนื่องจากไม่ต้องใช้เวลาในการผลิตสื่อทั้งทางด้านการประสานงานกับบริษัทโฆษณาและการผลิตเอกสาร
ลดขั้นตอนการใช้พนักงานขายในการเข้าพบลูกค้า
ผู้ประกอบการสามารถเสนอข้อมูลให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง
และเมื่อลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือเฉพาะเจาะจงผู้ประกอบการก็สามารถจัดทำได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งทำให้การซื้อขายสะดวกขึ้น
3. ผู้ขายสามารถกำหนดขบวนการการซื้อได้
เพราะการขายบนเว็บผู้ขายสามารถจัดขั้นตอนการจัดซื้อให้ลูกค้าดำเนินตามขั้นตอนที่กำหนดด้วยการอำนวยความสะดวกในเรื่องของแบบฟอร์มและการกรอก
เพียงลูกค้าคลิ๊กเม้าท์เท่านั้น ขบวนการในการซื้อก็จบลง
ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
และตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
4.
ผู้ขายสามารถให้ข้อมูบแก่ลูกค้าได้มากเท่าที่ลูกค้าต้องการและข้อมูลจะเป็นมาตรฐาน
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการตลาดแบบดั้งเดิมที่ใช้พนักงานเป็นผู้ให้ข้อมูล
มาตราฐานของข้อมูลจะขึ้นอยู่กับความเหนื่อยและอารมณ์ของพนักงาน
5. ตลาดกว้างใหญ่ไพศาล
เพราะสามารถขายให้กับลูกค้าทั่วโลก
ดังนั้นระยะทางและเวลาจะไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการขาย
6. กำจัดอุปสรรคในการขายสินค้าในบางประเทศเพราะสามารถขายให้กับทุกคนที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์
กฎ ระเบียบ และข้อจำกัดต่างๆ
ทางการค้าซึ่งเคยเป็นอุปสรรคในการตลาดแบบดั้งเดิมจะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป
โดยเฉพาะยิ่งสินค้าที่ซื้อขายด้วยวิธีดาวน์โหลด
7. สามารถขายและสื่อสารได้ตลอดเวลาด้วยมาตรฐานเดียวกันตลอด
365 วัน และ 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้สามารถขายได้ตลอดเวลา
8.
การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ทำได้กว้างขวาง เพราะสามารถเชื่อมโยงกับเว็บต่างๆได้
ผู้สนใจสามารถ ค้นหาข้อมูลจากเว็บอื่นได้ ทำให้เข้าถึงผู้ซื้อได้มาก
9. ข้อมูลจากผู้ซื้อทำให้นักการตลาดปรับแผนและกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสนอแนะหรือข้อคิดเห็นของผู้ซื้อจะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงสินค้า ราคา
เงื่อนไขและกลยุทธ์การตลาดต่างๆได้
10.
ผู้ประกอบการสามารถสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดของคู่แข่งขันได้โดยการเข้าไปในเว็บของคู่แข่งขันก็จะทราบกลยุทธ์การตลาด
ทำให้สามารถปรับแผนการตลาดได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับลูกค้า
1.
ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าและบริการได้ทั่วโลกทำให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
2. ผู้ซื้อจ่ายเงินซื้อสินค้าน้อยลง
เพราะผู้ขายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทางด้านคนกลาง
นอกจากนี้ผู้ขายมักจะขายในราคาใกล้เคียงกับคู่แข่งขันเพราะผู้ซื้อสามารถเปรียบเทียบราคาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
3. ผู้ซื้อประหยัดเวลาในการเลือกซื้อ
เพราะสามารถหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและใกล้เคียงกับความเป็นจริง
ในการตลาดแบบดั้งเดิมผู้ซื้อต้องเดินทางหลายแห่ง
หรือต้องเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปยังสถานที่ขายสินค้า
แม้ว่าถึงสถานที่ขายก็อาจมีสินค้าให้เปรียบเทียบได้ไม่ครบ
แต่การเลือกซื้อบนเว็บสามารถเปรียบเทียบสินค้าได้ครบและด้วยเทคโนโลยีสามารถทำให้สินค้าใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
www.folksvagen.com
เป็นเว็บที่ลูกค้าที่เข้าไปดูสามารถเห็นรถยนต์ได้ทุกมุม
แม้กระทั่งภายในรถยนต์
2. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและrevenue
modelคืออะไร?
ตอบ E-Commerce หรือ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่องค์กรได้วางไว้ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ
การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ
หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย
และเพื่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น
ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย
พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง
และเวลาลงได้
revenue
model คือเราต้องแยกให้ออกว่าใครคือ User และใครคือ
Payer และเราควรพิจารณารูปแบบของ RS ให้เหมาะสมกับธุรกิจเพื่อที่จะได้วางแผนการดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งรูปแบบของ RS หลักๆ จะประกอบด้วย
1. ค่าบริการ
เป็นการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในรูปแบบของค่าบริการใช้งานของ User เช่น การขนส่ง การบำรุงรักษายานพาหนะและอุปกรณ์ต่างๆ การให้บริการจด Domain
Name เป็นต้น
2. ค่าเช่า เช่น การเรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่เว็บไซต์ หรือ Web
Hosting
3. ค่าสมาชิก
เป็นการกำหนดการจัดเก็บค่าบริการในรูปแบบของค่าสมาชิกรายเดือน หรือรายปี
4. ค่าธรรมเนียมการซื้อ-ขาย
โดยส่วนมากจะเป็นการเรียกเก็บค่าคอมมิสชัน จากการขายในลักษณะของ Online
Market Place
5. ค่าโฆษณา
เป็นการหารายได้จากการเรียกเก็บค่าพื้นที่ในการลงโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ หรือ Application
ต่างๆ
3. อีคอมเมิร์ซเปลี่ยนการตลาดได้อย่างไร?
ตอบ 1.เปิดดำเนินการค้า 24 ชั่วโมง
2.ดำเนินการค้าอย่างไร้พรมแดนทั่วโลก
3.ใช้งบประมาณลงทุนน้อย
4.ตัดปัญหาด้านการเดินทาง
5.ง่ายต่อการประชาสัมพัธ์โดย
สามารถประชาสัมพันธ์ได้ทั่วโลก
4. อีคอมเมิร์ซมีผลกระทบต่อธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจอย่างไร?
ตอบ 1. มีการแข่งขันสูง อาจโดนตัดราคาได้ง่าย
2. ผู้ซื้อและผู้ขาย
ต้องมีความรู้เรื่องอินเทอร์เน็ต
3. ร้านค้าในอินเทอร์เน็ตมีหลายร้าน
ยากต่อการค้นเจอ
4. อาจต้องเสียค่าใช้จา่ยเพื่อปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้สวยงาม
5. เสี่ยงต่อการถูกแฮก
หรือแจ้งสแปมทำให้ร้านค้าโดนปิด
6. สินค้าจับต้องไม่ได้
หากลูกค้าได้รับสินค้าที่ไม่ตรงกับภาพ อาจถูกโจมตีได้
7. การจัดส่งต้องใช้เวลาหลายัน
และลูกค้าจะต้องเสียค่าจัดส่งเพิ่ม
5. อะไรคือบทบาทของ
m-commerce ในธุรกิจและสิ่งที่สำคัญที่สุดของแอพพลิเคชัน m-commerce?
ตอบ M-Commerce หรือเรียกเต็มๆว่า Mobile
Commerce คือ การทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ
โดยสืบเนื่องมาจากการค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-Commerce (ขายของออนไลน์)
เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
จองตั๋วหนังออนไลน์โดยชำระเงินทันทีเมื่อทำการสั่งซื้อเสร็จ โดย M-Commerce
จะมุ่งไปที่สั่งซื้อผ่านมือถือเท่านั้น ในปัจจุบันได้มีการพัฒนา Application
ต่างๆมารองรับการชำระเงินแบบออนไลน์มากขึ้น
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
รวบรัดการตัดสินใจของผู้ซื้อได้เร็วขึ้น ทำให้ e-commerce เติบโต
ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก(แทนการเดินทางไปซื้อที่หน้าร้าน / เดินหาสินค้า)
เข้าหลักการทำ e-Commerce 4.0 ตามที่รัฐบาลสนับสนุน สรุปแล้ว
M-COMMERCE คือการชำระเงินผ่านช่องทางมือถือเท่านั้น
โดยใช้บัตรเคดิตหรือ APPLICATION ต่างๆ ตามที่ผู้ซื้อสะดวก
6. ปัญหาใดที่ต้องมีการสร้างอีคอมเมิร์ซมาใช้
ตอบ 1.ความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
ขาดการตรวจสอบการใช้บัตรเครดิตบน Internet ข้อมูลบนบัตรเครดิตอาจถูกดักฟังหรืออ่าน
เพื่อเอาชื่อและหมายเลขบัตรเครดิตไปใช้โดยที่เจ้าของบัตรเครดิตไม่รู้ได้
การส่งข้อมูลจึงต้องมรการพัฒนาวิธีการเข้ารหัสที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน
เพื่อให้ข้อมูลของลูกค้าได้รับความปลอดภัยสูงสุด
2. ประเทศไทยยังไม่มีธนาคารพาณิชย์ที่จะทำหน้าที่รับประกันความเสี่ยง
สำหรับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
ในปัจจุบันการชำระเงินยังต้องผ่านธนาคารที่เป็นของต่างประเทศ
3. ปัญหาความยากจน
ความด้อยโอกาสและขาดความรู้ทางเทคโนโลยี รวมทั้งขาดเครือข่ายการสื่อสาร เช่น
ระบบเคเบิล ระบบโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง
จึงทำให้ชนบทที่ห่างไกลไม่สามารถเข้าถึงและใช้บริการ Internet ได้
4. E-Commerce ยังมีประเด็นเชิงนโยบายที่ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดมาตรการ
เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ซื้อและผู้ขาย
ขณะเดียวกันมาตรการมนเรื่องระเบียบที่จะกำหนดขึ้นต้องไม่ขัดขวางการพัฒนาเทคโนโลยี
5. ผู้ซื้อไม่มั่นใจเรื่องการเก็บรักษาความลับทางธุรกิจ
ข้อมูลส่วนบุคคลเช่น ไม่มั่นใจว่าจะมีผู้นำหมายเลขบัตรเครดิตไปใช้ประโยชน์ในทางที่มิชอบหรือไม่
6. ผู้ขายไม่มั่นใจว่าลูกค้ามีตัวตนอยู่จริง
จะเป็นบุคคลเดี่ยวกับที่แจ้งสั่งซื้อสินค้าหรือไม่
มีความสามารถในการที่จะจ่ายสินค้าและบริการหรือไม่
และไม่มั่นใจว่าการทำสัญญาซื้อขายผ่านระบบ Internet จะมีผลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
7.ด้านรัฐบาล
ในกรณีที่ผู้ซื้อและผู้ขายอยู่คนละประเทศกันจะใช้กฎหมายของประเทศใดเป็นหลัก
หากมีการกระทำผิดกฎหมายในการการกระทำการซื้อขายลักษณะนี้
ความยากลำบากในการติดตามการซื้อขายทาง Internet อาจทำให้รัฐบาลประสบปัญหาในการเรียกเก็บภาษีเงินได้และภาษีศุลกากร
การที่ E-Commerce ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ
พฤติกรรมของผู้บริโภค และการปฏิบัติงานของภาครัฐบาล
ทำให้รัฐบาลอาจเข้ามากำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ขายที่ใช้บริการ E-Commerce
รวมทั้งให้ความสนใจในการพัฒนาบุคลากร
การพัฒนาปัจจัยที่จะเพิ่มความสะดวกทางด้านโทรคมนาคมสื่อสาร
8.ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สามารถทำสำเนาหรือดัดแปลงหรือสร้างขึ้นใหม่ได้ง่ายกว่าเอกสารที่เป็นกระดาษ
จึงต้องจัดการระบบการรักษาความปลอดภัยในการอ้างสิทธิให้ดีพอ
9. E-Commerce ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น
แต่ขึ้นอยู่กับการจัดการทางธุรกิจที่ดีด้วย
การนำระบบนี้มาใช้จึงไม่สมควรทำตามกระแสนิยม
เพราะถ้าลงทุนไปแล้วไม่สามารถให้บริการที่ดีกับลูกค้าได้ ย่อมเกิดผลเสียต่อบริษัท
10.ปัญหาที่เกิดกับงานด้านกฎหมายและลายเซ็น
ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่จะกำกับดูแลการทำนิติกรรม
การทำการซื้อขายผ่านทางการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น